ข่าวสารคริปโต (CryptoNews)

บ้านโคก / อุตรดิตถ์

4 พ.ย. 2564 เวลา 16:45 น.

เก็บไว้ดูภายหลัง
ไม่ระบุราคา
เข้าชม 268 ครั้ง
รายละเอียดสินค้า
ข่าวสารคริปโต (CryptoNews)

- เควนติน แทแรนติโน ผู้กำกับภาพยนตร์ จะนำเสนอชุดเหรียญดิจิทัล NFT (non-fungible token) เจ็ดเหรียญ โดยอ้างอิงจากภาพยนตร์เรื่อง “เขย่าชีพจรเกินเดือด” (Pulp Fiction) ที่ออกฉายเมื่อปีค.ศ. 1994 เหรียญ NFT แต่ละเหรียญจะบรรจุฉากภาพยนตร์ที่ไม่ถูกตัดต่อและเนื้อหาพิเศษสำหรับผู้ครอบครองเหรียญโดยเฉพาะ รวมทั้งบทภาพยนตร์ต้นฉบับที่เขียนด้วยมือ เสียงวิจารณ์ภาพยนตร์ของแทแรนติโน และรายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับภาพยนตร์และผู้กำกับ การประมูลจะมีขึ้นที่แพลตฟอร์มการเทรด OpenSea โดยจะมีการประกาศในลำดับต่อไป

NFT คือสินทรัพย์ดิจิทัลที่แต่ละหน่วยมีความแตกต่างกันที่ทำงานบนบล็อคเชน มีการใช้ NFT ครั้งแรกในระบบบอีธีเรียมเมื่อปีค.ศ. 2017 เทคโนโลยีลับของ NFT ยังอนุญาตให้ผู้ผลิตเนื้อหาสามารถกำหนดได้ว่า เนื้อหาที่สะสมได้ของ NFT ส่วนใดจะเป็นของสาธารณะ และส่วนใดจะเป็นของส่วนตัวสำหรับผู้ครอบครองโดยเฉพาะ

- เบอร์เกอร์ คิง บริษัทอาหารจานด่วน จะมอบรางวัลเงินคริปโตให้แก่ลูกค้าในสหรัฐฯ โดยรางวัลมีทั้งเหรียญบิทคอยน์ 20 เหรียญ เหรียญอีธีเรียม 200 เหรียญ และเหรียญดอจคอยน์ 2 ล้านเหรียญ โดยผู้เข้าร่วมชิงรางวัลต้องใช้จ่ายที่เบอร์เกอร์ คิง เป็นเงินอย่างน้อย $5 ถึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมจับสลากได้

- สตีฟ วอซเนียก ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทแอปเปิ้ล กล่าวในบทสัมภาษณ์กับสำนักข่าวยะฮู ไฟแนนซ์ (Yahoo Finance) ว่า บิทคอยน์มีสถานะเหนือกว่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากสูตรคณิตศาสตร์และสูตรตรรกะของบิทคอยน์ทำให้เงินคริปโตสกุลเงินแรกนี้ไม่สามารถถูกคัดลอกหรือปลอมแปลงได้ นายวอซเนียกยังกล่าวด้วยว่า ทองคำดิจิทัลเป็นระบบที่ไร้ตัวกลาง ทำให้สามารถรักษาระดับการคาดการณ์ได้มากกว่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่หน่วยงานกำกับดูแลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ สามารถผลิตธนบัตรใหม่เมื่อใดก็ได้ ทำให้คาดการณ์เงินเฟ้อได้ยาก

“ดูเงินดอลลาร์สหรัฐฯ สิครับ รัฐบาลสามารถพิมพ์ธนบัตรได้ ยืมเงินได้ แล้วก็จะเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่มีทางถูกแก้หรอก แต่บิทคอยน์คือคณิตศาสตร์ เป็นคณิตศาสตร์บริสุทธิ์ เราสร้างบิทคอยน์อีกอันขึ้นมาไม่ได้หรอกนะครับ” สตีฟ วอซเนียก กล่าว

- โรเบิร์ต คิโยซากิ ผู้เขียนหนังสือ “พ่อรวยสอนลูก” (Rich Dad Poor Dad) และนักลงทุน มีท่าทีเช่นเดียวกับสตีฟ วอซเนียก โดยเขาวิจารณ์รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศว่าเขาไม่ไว้ใจรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เขายังเชื่อว่ารัฐบาล “ขโมยเงินจากประชาชน” สนับสนุนให้เกิดเงินเฟ้อ และไม่พยายามลดเงินเฟ้อลง

“เงินเฟ้อทำลายรายได้ของคนยากจน เงินเฟ้อทำให้คนรวยรวยขึ้น ไบเดนและธนาคารกลางสหรัฐฯ เป็นพวกทุจริต คุณเตรียมเผชิญกับเศรษฐกิจพังทลายและภาวะเศรษฐกิจตกต่ำรอบใหม่ได้เลย คุณควรตัดสินใจอย่างฉลาด แล้วซื้อทองคำ โลหะเงิน และบิทคอยน์ครับ” คิโยซากิ ผู้สนใจบิทคอยน์มาตลอด กล่าว “ผมรักบิทคอยน์เพราะผมไม่ไว้ใจธนาคารกลางสหรัฐฯ กระทรวงการคลังสหรัฐฯ หรือวอลล์สตรีท”

- ทีมพัฒนายังคงไม่หยุดพัฒนาเครือข่ายอีธีเรียม ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้เชี่ยวชาญกล้าฟันธงราคาเงินคริปโตได้ โดย CryptosRUs นักวิเคราะห์เงินคริปโตชื่อดัง คาดการณ์ว่า อีธีเรียมจะมีมูลค่าถึง $10,000 ในเร็วๆ นี้ เขายังมั่นใจด้วยว่า ขณะนี้เป็นช่วงเวลาเกือบโค้งสุดท้ายแล้วสำหรับผู้ที่ต้องการซื้ออีธีเรียมด้วยราคาต่ำกว่านั้น

หนึ่งในเหตุผลที่เหรียญอัลท์คอยน์ชนิดนี้มีมูลค่าสูงขึ้นเนื่องจากถูกกระตุ้นโดยนักลงทุนในกรุงลอนดอน นอกจากนี้ การอัพเดทอีธีเรียมอัลแทร์ล่าสุดยังทำให้มูลค่าของเหรียญแตะขึ้นไปที่เกือบ $4,500 เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ซึ่งเป็นมูลค่าสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา อย่างไรก็ตาม หลังการอัพเดทครั้งนี้ ค่าธรรมเนียมเครือข่ายก็เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าด้วยเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้เป็นปัจจัยที่มาพร้อมกับการเติบโตของอีธีเรียม

- Mr. Goxx หนูแฮมสเตอร์นักเทรดคริปโต มีชุดเหรียญดิจิทัล NFT เป็นของตนเอง ชื่อ Goxx Capital โดยเป็นเหรียญที่ผลิตในรูปแบบของบัตรเสียบพร้อมภาพเคลื่อนไหว

“พาร์ทเนอร์ธุรกิจ” (หรือเจ้าของ) ของหนูแฮมสเตอร์ตัวนี้ วางแผนสร้าง “สำนักงานเทรด” แห่งใหม่ให้ Mr. Goxx โดยเขาระบุว่า พื้นที่ทำงานใหม่นี้จะทำให้สัตว์เลี้ยงของเขามีพื้นที่ทำกิจกรรมมากขึ้น และมีสิ่งของที่ Mr. Goxx มีปฏิสัมพันธ์ด้วยได้ เช่น “วงล้อแห่งความตั้งใจ” (wheel of intentions) และ “อุโมงค์ตัดสินใจ” (decision tunnels)

ขั้นตอนการซื้อขายของ Mr. Goxx จะเริ่มต้นด้วยการวิ่งปั่นวงล้อแห่งความตั้งใจเพื่อเลือกเหรียญหนึ่งในสามสิบเหรียญ จากนั้นมันจะวิ่งผ่านอุโมงค์หนึ่งในสองอุโมงค์ ที่จะเป็นตัวกำหนดว่าเหรียญดังกล่าวจะถูกซื้อหรือถูกขาย โดย Mr. Goxx ทำกำไรไปได้เกือบ 50% ในช่วงต้นเดือนกันยายน เมื่อเทียบกับบิทคอยน์ที่ทำกำไรไปได้ 41% ดัชนี S&P 500 ทำกำไรให้นักลงทุนได้ 6-7% และกองทุน Katie Wood ARK Innovation ทำกำไรไปได้ 5%

- สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานคำพูดของ ปีเตอร์ ธีล ผู้ร่วมก่อตั้งเพย์แพล (PayPal) ที่ระบุว่า ราคาบิทคอยน์ที่สูงมากบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังเผชิญภาวะเงินเฟ้อที่แท้จริง และราคาที่สูงขึ้นนี้ไม่ได้เป็นปรากฎการณ์ชั่วคราว “คุณก็ทราบนี่ครับว่าบิทคอยน์มีมูลค่าถึง $60,000 แล้ว และผมไม่แน่ใจว่าเราควรตั้งหน้าตั้งตาซื้อเหรียญนี้หรือไม่ แต่แน่นอน นี่เป็น(สัญญาณ)ว่า เรากำลังอยู่ในช่วงวิกฤต” ธีลกล่าว และแสดงท่าทีเสียดายอีกครั้งที่เขาไม่ได้ลงทุนในเงินคริปโตสกุลเงินแรกไปมากกว่านี้

- เมื่อ 13 ปีที่แล้ว ในวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ. 2008 บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ใช้นามว่า ซาโตชิ นากาโมโตะ เผยแพร่เอกสาร white paper ซึ่งเป็นเอกสารชี้แจงรายละเอียดของบิทคอยน์ความยาวเก้าหน้า เอกสารดังกล่าวอธิบายการทำงานของระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์จากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่งโดยตรง (peer-to-peer payment system) และอธิบายว่าระบบดังกล่าวจะปฏิวัติโลกเทคโนโลยีการเงินได้อย่างไร นากาโมโตะสรุปลักษณะของเงินคริปโตสกุลเงินแรกในคำนำของเอกสารนี้ว่า “เงินอิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบ peer-to-peer เต็มตัวจะทำให้มีการจ่ายเงินออนไลน์ได้โดยตรงจากผู้ใช้งานหนึ่งไปยังอีกผู้ใช้งานหนึ่งโดยไม่ต้องผ่านสถาบันการเงิน”

มีการเปิดตัวเครือข่ายบิทคอยน์เมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 2009 ก่อนที่ซาโตชิ นากาโมโตะ จะหายตัวไปเมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 2011 ทำให้ไม่สามารถสืบหาได้ว่าใครกันแน่ที่เขียนเอกสารความยาวเก้าหน้าที่เป็นจุดเริ่มต้นของอุตสาหกรรมมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์นี้

- วิลลี วู นักวิเคราะห์คริปโตชาวจีน ให้สัมภาษณ์กับ Bitcoin Fundamentals ว่า วงจรการเติบโตแบบ “กระทิง” ของบิทคอยน์ในปัจจุบันนั้นต่างจากช่วงก่อนๆ มาก โดยวูระบุว่า กระแสสะสมบิทคอยน์ระลอกล่าสุดนี้เริ่มขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่นักลงทุนจากสถาบันต่างๆ เริ่มเข้าสู่ตลาดคริปโตเพื่อหวังเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลในระยะยาว วูคาดการณ์ว่า ปัจจัยดังกล่าวบ่งชี้ว่า วงจรการเติบโตของบิทคอยน์ในปัจจุบันจะยาวนานกว่าเดิม จะดำเนินต่อไปอีกหกเดือนถึงหนึ่งปี และราคาของบิทคอยน์ในช่วงดังกล่าวจะพุ่งสูงกว่า $100,000

- จิม แครเมอร์ พิธีกรรายการโทรทัศน์ นักเขียนหนังสือขายดี และอดีตผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ กล่าวในรายการ Mad Money ทางสถานีโทรทัศน์ CNBC ว่า เขาสนับสนุนให้นักลงทุนซื้อเงินคริปโตหากพวกเขาตระหนักถึงความเสี่ยงของสินทรัพย์ชนิดนี้

เขาระบุว่า ความนิยมเงินคริปโตนั้นอยู่บนพื้นฐานของ “ทฤษฎีคนโง่กว่า” โดยทฤษฎีดังกล่าวเชื่อว่า จะมีผู้ที่พร้อมซื้อสินทรัพย์ในราคาที่สูงกว่าเพื่อหวังขายให้ผู้อื่นเพื่อทำกำไร อย่างไรก็ตาม หากไม่มี “คนโง่” ที่จะซื้อสินทรัพย์นี้แล้ว มูลค่าของสินทรัพย์ดังกล่าวจะลดลงอย่างมาก โดยแครเมอร์กล่าวว่า หากผู้คนเข้าใจทฤษฎีนี้ ก็ควรตั้งข้อสังเกตกับเงินคริปโตได้ด้วยเช่นกัน

“ผมซื้อบิทคอยน์และอีธีเรียมไม่ใช่เพราะต้องการการคุ้มครองจากเงินเฟ้อ” แครเมอร์ยอมรับ “ว่ากันตามตรงนะครับ สำหรับผม มันก็เหมือนการพนันชนิดหนึ่งแหละ ผมเล่นกับจิตวิทยามวลชน และผมก็ไม่รู้ว่าทำไมอัตราของสินทรัพย์คริปโตเหล่านี้ถึงสูงขึ้น ความเป็นไปได้ที่สุดก็คือ มีคนตื่นทองเกินเหตุจำนวนมากที่ต้องการขายสินทรัพย์เหล่านี้ด้วยราคาที่สูงกว่า ผมไม่ได้ยึดติดกับอีธีเรียมแต่ผมก็เก็บมันไว้นะ เพราะยังมีคนที่โง่กว่าอีกหลายล้านคนที่ซื้อมันได้”

ก่อนหน้านี้แครเมอร์เลือกลงทุนในทองคำและหุ้นมากกว่า แต่ขณะนี้เขาเชื่อว่าการลงทุนหลักทรัพย์ที่มีความหลากหลายนั้นเป็นสิ่งสำคัญ โดยอาจลงทุน 5% ไปกับบิทคอยน์หรืออีธีเรียม

- นักวิเคราะห์ของบริษัทการเงิน เจพีมอร์แกน เชส (JPMorgan Chase) ระบุว่า นักลงทุนควรลงทุนในกองทุนเฮดจ์ฟันด์และอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากสินทรัพย์แบบเดิม เช่น หุ้นและพันธบัตร จะไล่หลังในปีหน้าและจะมีผลตอบแทนเพียง 5% เท่านั้น

เจพีมอร์แกนระบุว่า เงินคริปโตอาจเติบโตต่อไปได้แต่อาจไม่เสถียร จึงไม่แนะนำให้ใช้เงินคริปโตเป็นสินทรัพย์หลัก ในขณะเดียวกัน คาดว่าเงินคริปโตจะเติบโตขึ้น 15% ต่อปี ซึ่งมากกว่าอัตราการเติบโตที่คาดการณ์ของกองทุนเฮดจ์ฟันด์สองเท่า และมากกว่าการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ 12.5%

นักวิเคราะห์ยังระบุด้วยว่า บิทคอยน์อาจมีมูลค่าแตะ $35,000 โดยประเมินเปรียบเทียบกับทองคำ แต่เงินคริปโตก็มีความผันผวนมากกว่าโลหะมีค่าชนิดนี้ราวสี่เท่า หากความผันผวนของบิทคอยน์ลดลงครึ่งหนึ่ง มูลค่าของบิทคอยน์ก็อาจแตะถึง $73,000 ได้

สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ th.support@nordfx.com #NORDFX #FOREX #TRADE #PROFIT #เทรด #กำไร #ทอง #ข่าวสาร #cryptocurrencynews #Bitcoin #News
เปิดร้านค้าออนไลน์ฟรี
แชร์   |    แจ้ง / รายงานสินค้า

ให้คะแนนสินค้า

กำลังโหลดรีวิว..