บทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์ประจำวันที่ 29 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม 2021

บ้านโคก / อุตรดิตถ์

29 พ.ย. 2564 เวลา 16:06 น.

เก็บไว้ดูภายหลัง
ราคา 1 บาท
เข้าชม 261 ครั้ง
รายละเอียดสินค้า
บทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์ประจำวันที่ 29 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม 2021
พฤศจิกายน 27, 2021
EUR/USD: ความตื่นตระหนกที่ชื่อ B.1.1.159

สัปดาห์ที่แล้วสามารถแบ่งได้เป็นสองส่วน: ก่อนและหลังวันขอบคุณพระเจ้า ทั้งนี้ วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน เป็นวันหยุดในสหรัฐฯ และเนื่องจากเงินทุนส่วนใหญ่ถูกควบคุมโดยธนาคารและกองทุนในประเทศนี้ ทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกนิ่งขึ้นในวันดังกล่าว

ถ้าเช่นนั้นแล้ว ก่อนวันที่ 25 พฤศจิกายนเกิดอะไรขึ้นบ้าง? มีทุกอย่างเกิดขึ้นตามที่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ ทั้งความแตกต่างของการเติบโตทางเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ทั้งนโยบายการเงินของระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ และธนาคารกลางยุโรป และทั้งวิกฤตพลังงานในยุโรปที่ฉุดค่าของคู่ EUR/USD ลงไปอีก สถานการณ์แบบเบรกซิทที่กลับมาอีกครั้งยังมีส่วนให้มูลค่าของคู่นี้ตกลงไปอีกด้วย เป็นผลให้คู่ดังกล่าวลงไปอยู่ที่จุดต่ำสุดในประเทศที่ 1.1185 เมื่อเย็นวันที่ 24 พฤศจิกายน ตามมาด้วยวันพฤหัสบดีซึ่งเป็นวันหยุดและ…ตลาดกลับมาตื่นอีกครั้งในวันศุกร์

ตลาดไม่เพียงแค่ตื่นกลับมาทำการเท่านั้น แต่ยังตื่นพร้อมความตื่นตระหนกจากข่าวของเชื้อโคโรนาไวรัสที่กลายพันธุ์ชนิดใหม่และเป็นอันตรายที่พบในแอฟริกาใต้ และอาจดื้อวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบัน องค์การอนามัยโลกจัดประชุมด่วนและรับทราบว่าพบผู้ติดเชื้อไวรัสตัวใหม่ B.1.1.159 นี้แล้วเกือบ 100 คน ซึ่งเชื้อนี้มี “การกลายพันธุ์หลายจุด”

ข่าวที่น่าตกใจนี้ทำให้นักลงทุนลดความคาดหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น และพวกเขาคาดการณ์ในแง่ลบมากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทการตลาด ซีเอ็มอี กรุ๊ป ระบุว่า ความเป็นไปได้ที่อัตราดอกเบี้ยจะไม่เปลี่ยนแปลงจนถึงเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2022 เคยอยู่ที่ 18% เมื่อวันพฤหัสบดี ก่อนจะเพิ่มเป็น 34% ในวันศุกร์

เมื่อเทียบกับวันที่ 24 พฤศจิกายนแล้ว ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ตกลงมาเกือบ 10% ดัชนีหุ้นและเงินคริปโตก็ร่วงลงมาเช่นกัน ตลาดเริ่มผันตัวหนีออกจากความเสี่ยง ความตื่นตระหนกของนักลงทุนและผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ร่วงลงช่วยให้แรงกระทิงของคู่ EUR/USD เพิ่มคู่ดังกล่าวเป็น 1.1321 ซึ่งเป็นยอดปิดของสัปดาห์

ความจริงแล้ว เป็นการยากที่จะทำนายว่า การระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสรอบใหม่จะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจอเมริกันหรือยุโรปมากกว่ากัน นักวิเคราะห์ของบริษัทการเงิน ไอเอ็นจี กรุ๊ป ระบุว่า จะต้องทำความเข้าใจให้ได้ว่าไวรัสกลายพันธุ์ใหม่นี้ระบาดถึงยุโรปแล้วหรือยัง (ซึ่งยุโรปอยู่ใกล้ทวีปแอฟริกามากกว่า) ซึ่งอาจทำให้บรรยากาศในเขตยูโรโซนแย่ลงไปอีก และกดดันค่าเงินยูโร

ความแตกต่างของนโยบายการเงินจากธนาคารกลางสหรัฐฯ และธนาคารกลางยุโรป จะยังคงส่งผลต่อทิศทางของคู่ EUR/USD ต่อไป ตัวแทนหลายคนจากหน่วยงานกำกับดูแลยุโรปแห่งนี้ระบุชัดเจนว่า ธนาคารกลางยุโรปต้องการดำเนินโครงการเงินช่วยเหลือฉุกเฉินเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (Pandemic Emergency Purchase Program หรือ PEPP) ให้เสร็จภายในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2022 แต่ท่าทีดังกล่าวแทบไม่ส่งผลต่อคู่นี้ อย่างไรก็ตาม การประชุมของสภากรรมการธนาคารกลางยุโรปในวันที่ 2 ธันวาคม ที่จะหารือถึงนโยบายการเงิน อาจเป็นเหตุการณ์หลักในสัปดาห์หน้า ตลาดไม่เพียงแต่คาดหวังท่าทีและการบอกใบ้จากการประชุมนี้เท่านั้น แต่ยังคาดหวังที่การตัดสินใจเกี่ยวกับเวลาสิ้นสุดโครงการ PEPP ที่แน่นอน และการปรับปริมาณของโครงการซื้อสินทรัพย์ (Asset Purchase Program หรือ APP) และมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ นอกจากนี้ ปริมาณของโครงการ APP อาจเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยที่โครงการ PEPP จะสิ้นสุดลง ยังเป็นไปได้ด้วยว่า หน่วยงานกำกับดูแลนี้จะเพิ่มการคาดการณ์เงินเฟ้อในช่วงปี ค.ศ. 2021-2023

การคาดการณ์ว่า นโยบายรัดกุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ และนโยบายผ่อนคลายของธนาคารกลางยุโรป จะฉุดคู่ EUR/USD ลงในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ เป็นการคาดการณ์ที่เป็นเหตุเป็นผล ผู้เชี่ยวชาญของบริษัทลงทุน โกลด์แมน ซาคส์ คาดการณ์ว่า อัตราของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นในเดือนมิถุนายน กันยายน และธันวาคม ค.ศ. 2022 และธนาคารกลางสหรัฐฯ จะลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณลงเหลือ $30,000 ล้านต่อเดือนเริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม อัตราดังกล่าวอาจเพิ่มขึ้นอีกสองครั้งในปีค.ศ. 2023 และจะเพิ่มขึ้นถึง 1.5% ในอีกด้านหนึ่ง ธนาคารกลางยุโรปวางแผนว่า จะเริ่มขั้นตอนแรกเท่านั้นในปีค.ศ. 2023 และกว่าจะถึงตอนนั้นก็อาจได้เห็นการเติบโตของราคาที่สูงที่สุดเป็นสถิติใหม่ในประเทศยูโรโซน

อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้ว่าการประชุมของสภากรรมการธนาคารกลางยุโรปในวันที่ 2 ธันวาคมนี้ อาจมีการออกนโยบายเชิงรัดกุมและอาจสร้างความประหลาดใจให้นักลงทุน นักลงทุนที่ระแวดระวังจึงเริ่มใช้สถานะขายล่วงหน้าเพื่อทำกำไร ซึ่งในระยะสั้นจะทำให้คู่ EUR/USD ร่วงลงไปอีก

ผู้เชี่ยวชาญ 35% ที่เห็นว่าคู่ดังกล่าวจะเติบโตขึ้นในสัปดาห์หน้า เห็นด้วยกับทิศทางดังกล่าวเช่นกัน นักวิเคราะห์อีก 55% เห็นในทางตรงกันข้าม โดยเห็นว่า ธนาคารกลางยุโรปจะไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินครั้งสำคัญในช่วงนี้ และอีก 10% เห็นว่า คู่ดังกล่าวจะเคลื่อนตัวไปทางด้านข้าง

อินดิเคเตอร์ใน D1 เป็นสีแดงเป็นส่วนใหญ่ โดย 75% อยู่ในออสซิลเลเตอร์และอินดิเคเตอร์เทรนด์ สำหรับออสซิลเลเตอร์นั้น 15% ส่งสัญญาณว่าคู่นี้มีแรงขายมากเกินไป และอีก 10% เป็นสีเทาอยู่ตรงกลาง และอินดิเคเตอร์เทรนด์ 25% เปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียวในช่วงสิ้นสุดสัปดาห์

ระดับแนวต้านอยู่ในโซนและระดับ 1.1300-1.1315, 1.1360, 1.1435-1.1465 และ 1525 ระดับแนวรับที่อยู่ใกล้ที่สุดคือ 1.1300, 1.1230, 1.1185-1.1200 และ 1.1075-1.1100

สำหรับเหตุการณ์ในสัปดาห์หน้านั้น นอกจากการประชุมของธนาคารกลางยุโรปแล้ว ยังมีการเผยแพร่สถิติหลายตัวของตลาดผู้บริโภคในเยอรมนีและยูโรโซนในวันที่ 29-30 พฤศจิกายน และวันที่ 1 และ 3 ธันวาคม ทางด้านสหรัฐฯ นั้น อาจมีถ้อยแถลงจากเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่รับตำแหน่งเป็นสมัยที่สอง รวมถึงการประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อภาคการผลิตของสถาบันไอเอสเอ็มของสหรัฐฯ ในวันพุธที่ 1 ธันวาคม โดยปกติแล้ว นักลงทุนจะรอข้อมูลจากตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในวันศุกร์แรกของเดือนนี้ รวมถึงอินดิเคเตอร์ที่สำคัญ เช่น ดัชนี NFP ซึ่งเป็นจำนวนตำแหน่งงานใหม่นอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ
GBP/USD: การเติบโตของอัตราดอกเบี้ยจะช่วยกู้ค่าเงินปอนด์

คู่ GBP/USD เป็นไปตามการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (75%) จนถึงวันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน ที่ร่วงลงไปที่ 1.3275 ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดในรอบห้าเดือน โดยปิดตัวในช่วงสิ้นสุดสัปดาห์ที่ 1.3350

ความกังวลเกี่ยวกับเบรกซิทยังเป็นปัจจัยหลักของความกดดันต่อเงินปอนด์ ลอร์ดเดวิด ฟรอสต์ รัฐมนตรีอังกฤษที่รับผิดชอบด้านการบังคับใช้ข้อตกลงกับสหภาพยุโรป ระบุว่า ขณะที่ยังต้องเจรจาหาทางออกของปัญหาไอร์แลนด์เหนือ จุดยืนของอังกฤษและสหภาพยุโรปก็ยังแตกต่างกันมาก รัฐบาลอังกฤษจึงเตรียมตัวใช้มาตรา 16

ทั้งนี้ พิธีสารไอร์แลนด์เหนือถูกลงนามเมื่อสองปีที่แล้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการถอนตัวของอังกฤษจากสหภาพยุโรป อังกฤษระบุว่า จุดอ่อนของเอกสารตัวนี้เองที่ทำให้อังกฤษมีปัญหาเรื่องการจัดส่งสินค้าและการขาดสินค้า ด้วยเหตุนี้ อังกฤษจึงเสนอต่อสหภาพยุโรปให้มีพิธีสารตัวใหม่ ซึ่งยุโรปมีท่าทีไม่พอใจต่อข้อเสนอดังกล่าว

ทั้งนี้ มาตรา 16 ของเอกสารฉบับปัจจุบัน อนุญาตให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งของคู่ลงนามใช้ “มาตรการป้องกัน” หากพิธีสารนี้ทำให้เกิด “ปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม หรือสิ่งแวดล้อมที่ร้ายแรง” และอาจเกิดเป็นเวลานาน

ความกลัวต่อเชื้อโคโรนาไวรัสกลายพันธุ์ใหม่ซึ่งทำให้นักลงทุนเบนตัวหนีออกจากความเสี่ยง ก็อาจไม่ช่วยค่าเงินปอนด์เช่นกัน ทั้งนี้ คู่ GBP/USD โตขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์หสรัฐฯ อ่อนตัวลง (ดัชนี DXY ของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ตกลงมาที่ 96.037) แต่เงินปอนด์ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงกว่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มานานแล้ว และตลาดยังทบทวนความคาดหวังต่อการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยทั้งต่อค่าเงินอเมริกันและค่าเงินอังกฤษด้วย

ความเสี่ยงว่าอาจเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยและภาวะเงินเฟ้อสูงในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว รวมทั้งการเติบโตที่ต่ำของค่าเงินปอนด์และเงินเฟ้อสูง เป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจอังกฤษเป็นอย่างมาก ผู้เชี่ยวชาญจากธนาคารกลางแห่งประเทศอังกฤษคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อประจำปีจะเพิ่มถึงราว 5% ภายในเดือนเมษายน ค.ศ. 2022 และอาจลดลงมาที่เป้าที่ตั้งไว้ที่ 2% ภายในสิ้นปีค.ศ. 2022

อัตราดังกล่าวเป็นอัตราที่สูงมาก และก่อนการประชุมของธนาคารกลางแห่งประเทศอังกฤษเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน แอนดริว ไบลีย์ ประธานธนาคารกลางแห่งประเทศอังกฤษ ระบุว่า หากพิจารณาถึงอินดิเคเตอร์นี้แล้ว อาจต้องเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่ากำหนด ตลาดต่างเชื่อว่า หน่วยงานกำกับดูแลแห่งนี้อาจเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งธนาคารกลางกลับไม่เพิ่มอัตราดอกเบี้ย ทำให้คู่ GBP/USD ร่วงลงไปอีก แอนดริว ไบลีย์ กล่าวกับนักลงทุนที่ผิดหวังว่า “เราไม่เคยสัญญาว่าจะมีการเพิ่มอัตราในเดือนพฤศจิกายน” และ “ผมไม่ได้มีหน้าที่ปกครองตลาด”

ยังมีความกังวลกึงการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ และผลกระทบของไวรัสสายพันธุ์ B.1.1.159 ต่อเศรษฐกิจของประเทศ และการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยโดยธนาคารกลางอังกฤษในเดือนธันวาคม ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย เมื่อวันพุธที่ 24 พฤศจิกายน มีการประมาณการว่า ความเป็นไปได้ของการทำกำไรจากการเพิ่มอัตราดอกเบี้ย 15 จุดพื้นฐาน อยู่ที่ 75% แต่ก็ลดลงมาเหลือ 55% ในอีกสองวันถัดมา

นักวิเคราะห์ 70% คาดว่า หากหลังการประชุมในเดือนธันวาคมธนาคารกลางแห่งประเทศอังกฤษยังคงเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีก จะทำให้คู่ GBP/USD มีค่าสูงขึ้น และสำหรับทิศทางในสัปดาห์หน้า ความเห็นแบ่งออกเป็นสองทางเท่ากัน โดย 50% คาดว่าคู่นี้จะเติบโตขึ้น และอีก 50% คาดว่าคู่นี้จะร่วงลง

อย่างไรก็ตาม อินดิเคเตอร์ใน D1 เป็นไปในทิศทางตลาดหมี โดยอินดิเคเตอร์เทรนด์ 100% ชี้ตัวลง เช่นเดียวกับกับออสซิลเลเตอร์ แต่มีออสซิลเลเตอร์ 15% ที่อยู่ในโซนที่มีแรงขายมากเกินไป

ระดับแนวรับอยู่ที่ 1.3300, 1.3275, 1.3200 เป้าหมายของตลาดหมีอยู่ที่ 1.3135 ระดีบแนวต้านและเป้าหมายของตลาดกระทิงอยู่ที่ 1.3410, 1.3475, 1.3515, 1.3570, 1.3610, 1.3735, 1.3835

ประธานธนาคารกลางแห่งประเทศอังกฤษจะมีถ้อยแถลงในวันพุธที่ 10 ธันวาคม นักลงทุนหวังว่าแอนดริว ไบลีย์ จะให้ความกระจ่างว่า สถานการณ์นโยบายการเงินในอนาคตของทางธนาคารจะเป็นอย่างไร
USD/JPY: ใครได้ประโยชน์จากโควิด: ค่าเงินเยนเอาคืน

บทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์และคริปโตเคอเรนซีประจำวันที่ 29 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม 20211

สิ่งที่แย่ต่อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงกลับส่งผลดีต่อค่าเงินเยน ครั้งนี้ก็เช่นกัน โดยค่าเงินเยนได้ 230 พิพส์ภายในหนึ่งวัน ทำให้คู่ USD/JPY ร่วงลงไปอยู่ที่ 113.043 โดยสองวันก่อนหน้านั้น หรือวันที่ 24 พฤศจิกายน คู่นี้มีค่าสูงสุดในรอบหลายปี อยู่ที่ 15.514 เหล่ากระทิงของคู่นี้หวังว่า คู่นี้จะมีทิศทางเช่นนี้ต่อไป แต่ก็ไม่เกิดขึ้น ทำให้ผู้ใช้คำสั่งหยุดการขาดทุนต่างตกใจไปตามๆ กันต่อทิศทางแบบกลับลำกระทันหันนี้

นี่เป็นสถานการณ์ที่คาดการณ์ได้ ที่นักลงทุนแห่ให้ความสนใจค่าเงินเยนและค่าเงินฟรังสวิสจากการระบาดของเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ใหม่” นักลงทุนจากบริษัทการเงิน โซซิเอเต เจเนอราล อธิบานเหตุการณ์ดังกล่าว

คู่ USD/JPY ปิดตัวช่วงการซื้อขายที่ 113.112 และต้องจับตาดูว่า คู่นี้จะกลับมาที่ช่วงการซื้อขาย 113.40-114.40 หรือจะร่วงลงต่อไป

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญ 55% เห็นว่าคู่นี้จะร่วงลงต่อไป และอีก 45% คาดว่า จะมีการปรับฐานในทิศทางนี้อย่างน้อยหนึ่งครั้งหากคู่นี้ไม่กลับตัวขึ้นไปข้างบน อินดิเคเตอร์ก็ไปในทิศทางแตกต่างกันเช่นกัน ในขณะที่ออสซิลเลเตอร์ 25% เป็นสีเขียว 40% เป็นสีแดง 20% ส่งสัญญาณว่าคู่นี้มีแรงซื้อมากเกินไป และอีก 15% มีทิศทางเป็นกลาง อินดิเคเตอร์เทรนด์ก็มีทิศทางแตกต่างกันเช่นกัน โดย 50% ชี้ตัวขึ้น และอีก 50% ชี้ตัวลง

ระดับแนวต้านอยู่ที่ 113.40, 114.00, 114.40, 114.70, 115.00 และ 115.50 เป้าหมายระยะยาวของกระทิงอยู่ที่ 118.65 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดที่เคยทำไว้เมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ. 2016 ระดับแนวรับที่อยู่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ 113.00, 112.70, 112.00 และ 111.65

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคนั้น ข้อมูลภาคการค้าปลีกจะเผยแพร่ในวันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน ตามมาด้วยข้อมูลตลาดแรงงานและข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมในญี่ปุ่นในวันถัดมา

ลูกค้าของบริษัทโบรคเกอร์ NordFX ยังคงสะสมตั๋วล็อตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง: การจับฉลากซูเปอร์ ล็อตเตอรี ประจำปีใหม่ จะเริ่มขึ้นในเร็วๆ นี้ ยิ่งมีตั๋วล็อตเตอรี่มาก ยิ่งมีโอกาสได้รางวัลมากกว่าหนึ่งรางวัลมาก รางวัลมีมูลค่าตั้งแต่ $500-$20,000

เงินนี้จะมีประโยชน์กับคุณไม่ใช่หรือ?

วิธีการเข้าร่วมง่ายมาก รายละเอียดทั้งหมดอยู่บนเว็บไซต์ของ NordFX

กลุ่มนักวิเคราะห์ NordFX
.
สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ th.support@nordfx.com #NORDFX #FOREX #TRADE #PROFIT #เทรด #กำไร #ทอง #ข่าวสาร #cryptocurrencynews #Bitcoin #News
เปิดร้านค้าออนไลน์ฟรี
แชร์   |    แจ้ง / รายงานสินค้า

ให้คะแนนสินค้า

กำลังโหลดรีวิว..